อาหารคลีน

"กินตามใจ ไม่กินตามใจปาก" สุขภาพดีเริ่มต้นได้ที่การเลือกกิน
เมื่ออายุมากขึ้น ภาระของไตก็เพิ่มขึ้นตามมา ผู้สูงอายุหลายท่านอาจต้องเผชิญกับปัญหาสุขภาพไตเสื่อม ซึ่งเป็นภัยเงียบที่ค่อยๆ บั่นทอนร่างกาย การดูแลตัวเองจึงไม่ใช่เรื่องที่มองข้ามได้ และที่สำคัญที่สุดคือการ “กินตามใจ ไม่กินตามใจปาก”

ในภาพโฆษณานี้ ได้สรุปหลักการง่ายๆ ที่ผู้สูงอายุหรือผู้ป่วยโรคไตสามารถนำไปปรับใช้ได้ทันที

1. เลี่ยงอาหารรสจัด
อาหารรสจัด โดยเฉพาะรสเค็มจัดและหวานจัด คือศัตรูตัวฉกาจของไต โซเดียมที่สูงเกินไปทำให้ไตทำงานหนักเพื่อขับส่วนเกินออกจากร่างกาย เมื่อไตทำงานหนักเป็นเวลานาน ย่อมเสื่อมสภาพลงเร็วกว่าปกติ หากไตทำงานได้ไม่เต็มที่ของเสียก็จะสะสมในร่างกายแทนที่จะถูกขับออก ดังนั้นการปรุงอาหารที่ลดความเค็มลง และลดการใช้น้ำตาลจึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง

2. เลี่ยงอาหารไขมันสูง
อาหารทอด ของมัน หรืออาหารแปรรูปที่มีไขมันสูง ส่งผลเสียต่อสุขภาพโดยรวม รวมถึงหลอดเลือดและหัวใจ ซึ่งเป็นระบบที่ทำงานเชื่อมโยงกับไต หากหลอดเลือดไม่แข็งแรง การไหลเวียนของเลือดไปเลี้ยงไตก็จะด้อยประสิทธิภาพลง ทำให้การทำงานของไตลดลงตามไปด้วย การเลือกกินอาหารนึ่ง ต้ม ย่าง หรืออบ จึงเป็นทางเลือกที่ดีกว่า

3. ดื่มน้ำน้อยเกินไป
หลายคนมักเข้าใจผิดว่าผู้ป่วยโรคไตต้องจำกัดน้ำ แต่ในความเป็นจริงแล้ว น้ำคือสิ่งสำคัญที่ช่วยให้ไตทำงานได้ตามปกติ การดื่มน้ำที่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายจะช่วยให้เลือดเจือจางลง ทำให้ไตกรองของเสียได้ดีขึ้น และลดความเสี่ยงในการเกิดนิ่วในไต อย่างไรก็ตาม การดื่มมากเกินไปก็เป็นโทษได้ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อกำหนดปริมาณน้ำที่เหมาะสมกับร่างกายของแต่ละบุคคล

4. กินโปรตีนมากเกินไป
ไตมีหน้าที่กำจัดของเสียจากการย่อยโปรตีน (ยูเรีย) หากเรากินโปรตีนมากเกินไป ไตก็จะทำงานหนักขึ้นเพื่อกำจัดยูเรียส่วนเกิน ผู้ป่วยโรคไตจึงควรจำกัดปริมาณโปรตีนให้เหมาะสม โดยเลือกโปรตีนคุณภาพดี เช่น เนื้อปลา ไข่ขาว และปรึกษาแพทย์หรือนักโภชนาการเพื่อวางแผนการกินที่ถูกต้อง

การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินไม่ใช่เรื่องยาก ขอแค่เริ่มจากความตั้งใจจริง เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีและยืนยาว

แคปชั่น:

“อายุมากไม่ใช่ข้อจำกัด เริ่มปรับการกิน สุขภาพไตก็ดีได้”

“เลี่ยงความอร่อยชั่วคราว เพื่อความสุขยืนยาวของชีวิต”

“กินตามใจ ไม่กินตามใจปาก” สุขภาพดีเริ่มต้นได้ที่การเลือกกิน

เมื่ออายุมากขึ้น ภาระของไตก็เพิ่มขึ้นตามมา ผู้สูงอายุหลายท่านอาจต้องเผชิญกับปัญหาสุขภาพไตเสื่อม ซึ่งเป็นภัยเงียบที่ค่อยๆ บั่นทอนร่างกาย การดูแลตัวเองจึงไม่ใช่เรื่องที่มองข้ามได้ และที่สำคัญที่สุดคือการ “กินตามใจ ไม่กินตามใจปาก”

ในภาพโฆษณานี้ ได้สรุปหลักการง่ายๆ ที่ผู้สูงอายุหรือผู้ป่วยโรคไตสามารถนำไปปรับใช้ได้ทันที

1. เลี่ยงอาหารรสจัด

อาหารรสจัด โดยเฉพาะรสเค็มจัดและหวานจัด คือศัตรูตัวฉกาจของไต โซเดียมที่สูงเกินไปทำให้ไตทำงานหนักเพื่อขับส่วนเกินออกจากร่างกาย เมื่อไตทำงานหนักเป็นเวลานาน ย่อมเสื่อมสภาพลงเร็วกว่าปกติ หากไตทำงานได้ไม่เต็มที่ของเสียก็จะสะสมในร่างกายแทนที่จะถูกขับออก ดังนั้นการปรุงอาหารที่ลดความเค็มลง และลดการใช้น้ำตาลจึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง

2. เลี่ยงอาหารไขมันสูง

อาหารทอด ของมัน หรืออาหารแปรรูปที่มีไขมันสูง ส่งผลเสียต่อสุขภาพโดยรวม รวมถึงหลอดเลือดและหัวใจ ซึ่งเป็นระบบที่ทำงานเชื่อมโยงกับไต หากหลอดเลือดไม่แข็งแรง การไหลเวียนของเลือดไปเลี้ยงไตก็จะด้อยประสิทธิภาพลง ทำให้การทำงานของไตลดลงตามไปด้วย การเลือกกินอาหารนึ่ง ต้ม ย่าง หรืออบ จึงเป็นทางเลือกที่ดีกว่า

3. ดื่มน้ำน้อยเกินไป

หลายคนมักเข้าใจผิดว่าผู้ป่วยโรคไตต้องจำกัดน้ำ แต่ในความเป็นจริงแล้ว น้ำคือสิ่งสำคัญที่ช่วยให้ไตทำงานได้ตามปกติ การดื่มน้ำที่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายจะช่วยให้เลือดเจือจางลง ทำให้ไตกรองของเสียได้ดีขึ้น และลดความเสี่ยงในการเกิดนิ่วในไต อย่างไรก็ตาม การดื่มมากเกินไปก็เป็นโทษได้ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อกำหนดปริมาณน้ำที่เหมาะสมกับร่างกายของแต่ละบุคคล

4. กินโปรตีนมากเกินไป

ไตมีหน้าที่กำจัดของเสียจากการย่อยโปรตีน (ยูเรีย) หากเรากินโปรตีนมากเกินไป ไตก็จะทำงานหนักขึ้นเพื่อกำจัดยูเรียส่วนเกิน ผู้ป่วยโรคไตจึงควรจำกัดปริมาณโปรตีนให้เหมาะสม โดยเลือกโปรตีนคุณภาพดี เช่น เนื้อปลา ไข่ขาว และปรึกษาแพทย์หรือนักโภชนาการเพื่อวางแผนการกินที่ถูกต้อง

การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินไม่ใช่เรื่องยาก ขอแค่เริ่มจากความตั้งใจจริง เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีและยืนยาว

“อายุมากไม่ใช่ข้อจำกัด เริ่มปรับการกิน สุขภาพไตก็ดีได้”

“เลี่ยงความอร่อยชั่วคราว เพื่อความสุขยืนยาวของชีวิต”

ไม่อยากสะเทือนไต…ให้ใส่ใจเรื่องอาหาร

ผู้ป่วยโรคไตจำเป็นต้องควบคุมอาหารอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะการจำกัดปริมาณโซเดียมเพื่อลดภาระการทำงานของไต ภาพนี้ได้สรุป 8 อาหารที่ควรหลีกเลี่ยงเพื่อไม่ให้ได้รับโซเดียมเกินกว่าที่ร่างกายต้องการ ซึ่งสำหรับคนทั่วไปแล้ว ร่างกายไม่ควรบริโภคโซเดียมเกิน 2,000 มิลลิกรัม/วัน หรือเทียบเท่าเกลือ 1 ช้อนชา

  1. อาหารที่มีโซเดียมสูง: เช่น บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป อาหารที่ปรุงด้วยผงชูรส เพราะมีปริมาณโซเดียมสูงมาก ทำให้ไตทำงานหนัก
  2. เนื้อสัตว์แปรรูป: ไส้กรอก กุนเชียง แฮม และอาหารสำเร็จรูปอื่นๆ มีทั้งโซเดียมและสารกันบูด ซึ่งเป็นอันตรายต่อไต
  3. อาหารที่มีไขมันสูงและครีม: เช่น เค้ก พิซซ่า หรือขนมอบต่างๆ ซึ่งมีส่วนผสมของเนยและครีมปริมาณมาก
  4. ผลิตภัณฑ์จากนมและอาหารที่มีฟอสฟอรัสสูง: นม เครื่องดื่มในขวดแก้ว ถั่ว หรือกุ้งแห้ง ควรจำกัดปริมาณเพราะมีฟอสฟอรัสสูง ซึ่งหากไตทำงานไม่ดี จะทำให้ฟอสฟอรัสสะสมในเลือด
  5. อาหารหมักดอง: เช่น ไข่เค็ม ปลาเค็ม ผักกาดดอง มีโซเดียมสูงมากจากกระบวนการถนอมอาหาร
  6. อาหารเค็มจัด: เช่น ข้าวต้มซอง โจ๊กซอง มีปริมาณโซเดียมสูง ควรเลี่ยงหรือเลือกสูตรที่โซเดียมต่ำ
  7. เนื้อสัตว์ติดมัน: เช่น เนื้อติดมันย่าง เอ็นวัว หรือข้อไก่ มีไขมันสูงและปริมาณโซเดียมจากเครื่องปรุง
  8. อาหารที่มีคอเลสเตอรอล: ไข่ปลา หมูหยอง หรือหอยนางรม มีคอเลสเตอรอลสูง ซึ่งส่งผลต่อสุขภาพหัวใจและหลอดเลือดที่เชื่อมโยงกับการทำงานของไต

การดูแลไตให้แข็งแรง เริ่มต้นจากใส่ใจเลือกอาหาร “ไม่อยากสะเทือนไต…อย่าลืมใส่ใจดูแลตัวเอง”

คุณเคยสงสัยไหมว่า อาหารที่คุณกินเข้าไปในแต่ละวันส่งผลต่อสุขภาพของคุณอย่างไร?

“You Eat What You Are”

ที่ Eat&Treat ร้านอาหารเพื่อสุขภาพ เราเชื่อว่าอาหารคือจุดเริ่มต้นของสุขภาพที่ดี เพราะ “อาหารกำหนดสุขภาพ”

เรามุ่งมั่นที่จะนำเสนออาหารที่ทั้งอร่อยและมีคุณค่าทางโภชนาการ โดยเชฟบอย คุณปรีติธร ทวีกิจ ได้ร่วมพัฒนาเมนูอาหารเพื่อสุขภาพ ภายใต้สโลแกน “อร่อยดี…มีคุณค่า”

ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร หรือมีเป้าหมายสุขภาพแบบไหน เราก็พร้อมส่งต่ออาหารดีๆ ที่จะช่วยให้คุณมีสุขภาพที่ดีขึ้นได้อย่างยั่งยืน

ให้เราเป็นส่วนหนึ่งของการดูแลสุขภาพของคุณ เริ่มต้นมื้ออาหารที่ดีกับ Eat&Treat วันนี้ แล้วคุณจะรู้ว่า อาหารเพื่อสุขภาพก็อร่อยได้ไม่แพ้ใคร!

เซต zeroprotein ซีโร่โปรตีน

✅อาหารทางเลือกสำหรับผู้ที่มีสภาวะไตเสื่อม ตั้งแต่ระดับ 3-5

เป็นเมนูอาหารที่ไม่มีโปรตีนจากเนื้อสัตว์ ทางเลือกสำหรับ ผู้ป่วยโรคไตและกลุ่มNCDs
✅แนะนำทุกวัน 3 มื้อ อย่างต่อเนื่อง Pack 4 วัน 12 แพ็ค 780บาท
(มื้อละ 65บาท/วัน) ไม่รวมค่าจัดส่ง
มีเซต A B C ให้เลือกคะ